กลุ่ม
เซนทอร์
เซนทอร์(อังกฤษ: centaur; มาจากภาษากรีกโบราณ κένταυροι) เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในเทพปกรณัมกรีก มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ
เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก
เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัวใครทั้งสิ้น
เซนทอร์ตระกูลโครนัสต่างกับตระกูลอิคซอน เป็นเซนทอร์แสนดี โครนัสแต่งงานกับฟีลีร่า นางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม มีลูกชื่อไครอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบจนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคนในตำนานกรีก เช่น อคิลลีส, เฮอร์คิวลีส, เจสัน, พีลูส, อีเนียส และบรรดาลูกศิษย์ของเขาก็ประพฤติตัวตามแบบครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี
เซนทอร์(อังกฤษ: centaur; มาจากภาษากรีกโบราณ κένταυροι) เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในเทพปกรณัมกรีก มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ
เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก
เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัวใครทั้งสิ้น
เซนทอร์ตระกูลโครนัสต่างกับตระกูลอิคซอน เป็นเซนทอร์แสนดี โครนัสแต่งงานกับฟีลีร่า นางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม มีลูกชื่อไครอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบจนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคนในตำนานกรีก เช่น อคิลลีส, เฮอร์คิวลีส, เจสัน, พีลูส, อีเนียส และบรรดาลูกศิษย์ของเขาก็ประพฤติตัวตามแบบครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี
ไซคลอปส์
ไซคลอปส์ (กรีก: Κύκλωψ; ละติน: Cyclops หรือ Kyklops) หรือ อสูรตาเดียว เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกรีก
ชื่อไซคลอปส์ถูกใช้ระบุถึงยักษ์ตาเดียวสองชนิด โดยชนิดแรกเป็นลูกของเจ้านภา อูรานอสและพระแม่ธรณี ไกอา ซึ่งไซครอปส์จำพวกนี้มีเด่นๆ3ตน คือ อาจีรอส บรอนทีส และสเตอร์โรพีท มักจะถือค้อนอันใหญ่ มีพลังแห่งสายฟ้า และมีฝีมือในด้านช่างเหล็ก ไซคลอปส์กลุ่มนี้ถูกยูเรนัสกักขังไว้ในทาทารัส จนกระทั่งซุสปลดปล่อยออกมาหลังจากที่โค่นโครนัสผู้เป็นบิดา ซึ่งไซคลอปส์ได้ตอบแทนโดยตีอาวุธต่างๆให้เหล่าเทพ ได้แก่ สายฟ้าให้แก่ ซุส สามง่าม ให้แก่ โพไซดอน หมวกล่องหน ให้แก่ ฮาเดส และเหล่าไซคลอปส์ได้เป็นลูกมือของเทพแห่งช่างเหล็กเฮฟเฟสตุสในเวลาต่อมา จนกระทั่งถูกอพอลโลสังหารเพื่อล้างแค้นให้แอสคิวลาปิอัสที่ถูกซุสใช้สายฟ้าฟาด
ไซคลอปส์กลุ่มที่สองเป็นลูกหลานของโพไซดอนและพรายน้ำโทซา ไซคลอปส์กลุ่มนี้กินมนุษย์เป็นอาหาร โดยมีบทบาทในเรื่องโอดิสซีย์ ไซคลอปส์มีความนิยมมากเหมือนกัน เช่นไซคลอปส์ในการ์ตูน ไซคลอปส์ในเกม
ไซคลอปส์ (กรีก: Κύκλωψ; ละติน: Cyclops หรือ Kyklops) หรือ อสูรตาเดียว เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกรีก
ชื่อไซคลอปส์ถูกใช้ระบุถึงยักษ์ตาเดียวสองชนิด โดยชนิดแรกเป็นลูกของเจ้านภา อูรานอสและพระแม่ธรณี ไกอา ซึ่งไซครอปส์จำพวกนี้มีเด่นๆ3ตน คือ อาจีรอส บรอนทีส และสเตอร์โรพีท มักจะถือค้อนอันใหญ่ มีพลังแห่งสายฟ้า และมีฝีมือในด้านช่างเหล็ก ไซคลอปส์กลุ่มนี้ถูกยูเรนัสกักขังไว้ในทาทารัส จนกระทั่งซุสปลดปล่อยออกมาหลังจากที่โค่นโครนัสผู้เป็นบิดา ซึ่งไซคลอปส์ได้ตอบแทนโดยตีอาวุธต่างๆให้เหล่าเทพ ได้แก่ สายฟ้าให้แก่ ซุส สามง่าม ให้แก่ โพไซดอน หมวกล่องหน ให้แก่ ฮาเดส และเหล่าไซคลอปส์ได้เป็นลูกมือของเทพแห่งช่างเหล็กเฮฟเฟสตุสในเวลาต่อมา จนกระทั่งถูกอพอลโลสังหารเพื่อล้างแค้นให้แอสคิวลาปิอัสที่ถูกซุสใช้สายฟ้าฟาด
ไซคลอปส์กลุ่มที่สองเป็นลูกหลานของโพไซดอนและพรายน้ำโทซา ไซคลอปส์กลุ่มนี้กินมนุษย์เป็นอาหาร โดยมีบทบาทในเรื่องโอดิสซีย์ ไซคลอปส์มีความนิยมมากเหมือนกัน เช่นไซคลอปส์ในการ์ตูน ไซคลอปส์ในเกม
ฮาร์พี
ฮาร์พี (อังกฤษ: harpy, /hɑrpi/) เป็นสิ่งมีชีวิตตามตำนานกรีกซึ่งมีรูปกายเป็นมนุษย์ผู้หญิง มีท่อนล่างอย่างนก และมีปีก
กล่าวกันว่าแต่เดิมฮาร์ปีมีเพียงสองตนเท่านั้น คือเอลโล และโอไซพีเทส ธิดาแห่งเธามาส และโอเชียนิดนามอิเล็กตร้า (โอเชียนิดคือนิมฟ์แห่งทะเล) เธามาสผู้นี้เป็นโอรสของพอนทัสและไกอา ทั้งพอนทัสและไกอาต่างก็เป็นเทพเจ้าโบราณของกรีก โดยพอนทัสเป็นเทพแห่งทะเล ส่วนไกอาเป็นเทพแห่งพิภพ ฮาร์ปีทั้งสองเป็นพี่น้องกับเทวีไอริส ซึ่งเป็นเทวีผู้ทำหน้าที่นำสารให้กับเหล่าเทพเจ้าต่างๆ เช่นเดียวกับเฮอร์เมส หากแต่เฮอร์เมสนั้นขึ้นตรงต่อเทพบดีซูส ในขณะที่ไอริสเป็นเทวีใต้บัญชาของเฮร่า เทวีไอริสยังมีปีกเป็นนกเช่นเดียวกับอีรอส และมักถูกกล่าวถึงในลักษณะของสาวน้อยมีปีก ถือคทานำสาร นอกจากนี้ไอริสยังเป็นเทวีพรหมจรรย์ และถือเป็นเทวีแห่งสะพานสายรุ้งอีกด้วย
เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับฮาร์ปีคือเรื่องเมื่อครั้งเรืออาร์โกมาขึ้นฝั่งที่เธรส ในตอนนั้นมีนักพยากรณ์ตาบอดผู้หนึ่งนามว่าฟีนูสนำความลับของสวรรค์มาบอกแก่คนนอกมากเกินไป เทพเจ้าซูสจึงทรงสั่งให้พวกฮาร์ปีมาขโมยอาหารของฟีนูสเป็นการทรมาน เซเทสและคาลาอีสบุตรของเทพเจ้าแห่งสายลมเหนือโบรีอัสจึงทำหน้าที่ขับไล่เหล่าฮาร์ปีนี้ไป ยังมีบางตำนานกล่าวว่าฮาร์ปีถูกเซเทสและคาลาอีสฆ่าตาย นอกนั้นเล่าว่าเทวีไอริสได้ลงมาห้ามไว้ทัน หากแต่เหล่าฮาร์ปีก็ต้องตายเพราะอดอยากอาหารอยู่ดี
ในเรื่องเจสันกับขนแกะทองคำนั้น ฮาร์พีได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นสุนัขล่าเนื้อของซูส การปรากฏตัวของฮาร์พีจะสร้างความน่าขยะแขยงไว้ในทุกๆที่ที่มันไป ฮาร์พีจะกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าและทิ้งมูลที่มีกลิ่นเหลือรับจนไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ทนไม่ได้
ในเทพปกรณัมกรีกยังมีการกล่าวถึงฮาร์ปีตนอื่นๆ อีก ซึ่งคาดว่าเป็นการเสริมแต่งเข้ามาภายหลังเช่นฮาร์ปีที่มีชื่อว่าโพดาร์กซึ่งเป็นมารดาของม้าศักดิ์สิทธิ์สองตัวชื่อซานธุสและบาเลียส (ม้าของอะคิลลีส) โดยมีเทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตกเซฟเฟอรุสเป็นบิดา
บางตำนานกล่าวว่าเป็นสมุนรับใช้ของเทพเจ้าฮาเดส โดยทำหน้าที่หาวิญญาญที่เป็นอาหารมาสังเวยให้ที่นรกทาทาร์ลัส อาศัยอยู่ที่ชั้นบรรยากาศ (หรือว่ากันว่าตามหมู่เมฆนั้นเอง) มีความสามารถเกี่ยวกับลม และมักจะเป็นตัวร้ายที่มักจะโผล่มาในการโกรษแค้นของเหล่าเทพ โดยยกตัวอย่างจากตำนานที่ทำให้นกฮาร์พีโด่งดังอันหนึ่งคือ ตำนานเจสันและขนแกะทองคำ โดนตำนานกล่าวว่า คิงเพเนอุสถูกพระเจ้า สาปไม่ให้กินอาหารได้ เพราะทุกครั้งที่จะกินอาหาร จะมีเหล่านกฮาร์พีมาบินวนโฉบแย่งอาหารไป ทำให้ไม่สามารถกินอาหารได้เลย จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากพวกเจสัน หลังจากนำเรืออาร์โก้เทียบท่า โดยการฆ่านกฮาร์พีทิ้งเสีย ว่ากันว่าฮาร์พีมี3พี่น้อง นามว่า Aello Celaeno และ Ocypete
ฮาร์พี (อังกฤษ: harpy, /hɑrpi/) เป็นสิ่งมีชีวิตตามตำนานกรีกซึ่งมีรูปกายเป็นมนุษย์ผู้หญิง มีท่อนล่างอย่างนก และมีปีก
กล่าวกันว่าแต่เดิมฮาร์ปีมีเพียงสองตนเท่านั้น คือเอลโล และโอไซพีเทส ธิดาแห่งเธามาส และโอเชียนิดนามอิเล็กตร้า (โอเชียนิดคือนิมฟ์แห่งทะเล) เธามาสผู้นี้เป็นโอรสของพอนทัสและไกอา ทั้งพอนทัสและไกอาต่างก็เป็นเทพเจ้าโบราณของกรีก โดยพอนทัสเป็นเทพแห่งทะเล ส่วนไกอาเป็นเทพแห่งพิภพ ฮาร์ปีทั้งสองเป็นพี่น้องกับเทวีไอริส ซึ่งเป็นเทวีผู้ทำหน้าที่นำสารให้กับเหล่าเทพเจ้าต่างๆ เช่นเดียวกับเฮอร์เมส หากแต่เฮอร์เมสนั้นขึ้นตรงต่อเทพบดีซูส ในขณะที่ไอริสเป็นเทวีใต้บัญชาของเฮร่า เทวีไอริสยังมีปีกเป็นนกเช่นเดียวกับอีรอส และมักถูกกล่าวถึงในลักษณะของสาวน้อยมีปีก ถือคทานำสาร นอกจากนี้ไอริสยังเป็นเทวีพรหมจรรย์ และถือเป็นเทวีแห่งสะพานสายรุ้งอีกด้วย
เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับฮาร์ปีคือเรื่องเมื่อครั้งเรืออาร์โกมาขึ้นฝั่งที่เธรส ในตอนนั้นมีนักพยากรณ์ตาบอดผู้หนึ่งนามว่าฟีนูสนำความลับของสวรรค์มาบอกแก่คนนอกมากเกินไป เทพเจ้าซูสจึงทรงสั่งให้พวกฮาร์ปีมาขโมยอาหารของฟีนูสเป็นการทรมาน เซเทสและคาลาอีสบุตรของเทพเจ้าแห่งสายลมเหนือโบรีอัสจึงทำหน้าที่ขับไล่เหล่าฮาร์ปีนี้ไป ยังมีบางตำนานกล่าวว่าฮาร์ปีถูกเซเทสและคาลาอีสฆ่าตาย นอกนั้นเล่าว่าเทวีไอริสได้ลงมาห้ามไว้ทัน หากแต่เหล่าฮาร์ปีก็ต้องตายเพราะอดอยากอาหารอยู่ดี
ในเรื่องเจสันกับขนแกะทองคำนั้น ฮาร์พีได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นสุนัขล่าเนื้อของซูส การปรากฏตัวของฮาร์พีจะสร้างความน่าขยะแขยงไว้ในทุกๆที่ที่มันไป ฮาร์พีจะกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าและทิ้งมูลที่มีกลิ่นเหลือรับจนไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ทนไม่ได้
ในเทพปกรณัมกรีกยังมีการกล่าวถึงฮาร์ปีตนอื่นๆ อีก ซึ่งคาดว่าเป็นการเสริมแต่งเข้ามาภายหลังเช่นฮาร์ปีที่มีชื่อว่าโพดาร์กซึ่งเป็นมารดาของม้าศักดิ์สิทธิ์สองตัวชื่อซานธุสและบาเลียส (ม้าของอะคิลลีส) โดยมีเทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตกเซฟเฟอรุสเป็นบิดา
บางตำนานกล่าวว่าเป็นสมุนรับใช้ของเทพเจ้าฮาเดส โดยทำหน้าที่หาวิญญาญที่เป็นอาหารมาสังเวยให้ที่นรกทาทาร์ลัส อาศัยอยู่ที่ชั้นบรรยากาศ (หรือว่ากันว่าตามหมู่เมฆนั้นเอง) มีความสามารถเกี่ยวกับลม และมักจะเป็นตัวร้ายที่มักจะโผล่มาในการโกรษแค้นของเหล่าเทพ โดยยกตัวอย่างจากตำนานที่ทำให้นกฮาร์พีโด่งดังอันหนึ่งคือ ตำนานเจสันและขนแกะทองคำ โดนตำนานกล่าวว่า คิงเพเนอุสถูกพระเจ้า สาปไม่ให้กินอาหารได้ เพราะทุกครั้งที่จะกินอาหาร จะมีเหล่านกฮาร์พีมาบินวนโฉบแย่งอาหารไป ทำให้ไม่สามารถกินอาหารได้เลย จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากพวกเจสัน หลังจากนำเรืออาร์โก้เทียบท่า โดยการฆ่านกฮาร์พีทิ้งเสีย ว่ากันว่าฮาร์พีมี3พี่น้อง นามว่า Aello Celaeno และ Ocypete
มอยเร
เทพีมอยเร (กรีก: Μοῖραι, อังกฤษ: Moirae หรือ Moerae หรือ The Fates) เป็นเทพีในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นเทพีสามองค์ที่เป็นบุคลาธิษฐานของพรหมลิขิต ที่เทียบเท่ากับเทพีพาร์เซ (Parcae) ในตำนานเทพเจ้าโรมัน หรือเทพีนอร์นส์ (Norns) ในในตำนานเทพเจ้าเยอรมัน
คำว่า “Μoira” ในภาษากรีก (μοῖρα) แปลตรงตัวว่าส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อขยายส่วนออกไปแล้วก็เป็นชีวิตหรือพรหมลิขิต เทพีมอยเรควบคุมยานด้ายแห่งโชคชะตาของชีวิตของมนุษย์เดินดินทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย
เทพีมอยเร (กรีก: Μοῖραι, อังกฤษ: Moirae หรือ Moerae หรือ The Fates) เป็นเทพีในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นเทพีสามองค์ที่เป็นบุคลาธิษฐานของพรหมลิขิต ที่เทียบเท่ากับเทพีพาร์เซ (Parcae) ในตำนานเทพเจ้าโรมัน หรือเทพีนอร์นส์ (Norns) ในในตำนานเทพเจ้าเยอรมัน
คำว่า “Μoira” ในภาษากรีก (μοῖρα) แปลตรงตัวว่าส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อขยายส่วนออกไปแล้วก็เป็นชีวิตหรือพรหมลิขิต เทพีมอยเรควบคุมยานด้ายแห่งโชคชะตาของชีวิตของมนุษย์เดินดินทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย
มิวส์
มิวส์ (อังกฤษ: Muse) เป็นเทพธิดาผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่กวี เป็นผู้ขับร้องบทเพลงแสนไพเราะที่แม้เทพเจ้าก็ต้องเงี่ยโสตสดับฟัง พวกนางเป็นธิดาของซุสกับนิโมซิเน มีอยู่ทั้งหมด 9 นาง คือ
ไคลโอ - ผู้เป็นมิวส์แห่งประวัติศาสตร์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือม้วนกระดาษและหนังสือ
ยูเรนิอา - ผู้เป็นมิวส์แห่งดาราศาสตร์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือลูกโลกและเข็มทิศ
เมลพอมินี - ผู้เป็นมิวส์แห่งโศกนาฏกรรม มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือหน้ากากในการแสดงละครโศกนาฏกรรม
ธาเลีย - ผู้เป็นมิวส์แห่งสุขนาฏกรรม มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือหน้ากากในการแสดงละครสุขนาฏกรรม
เทิร์ปซิคอเร - ผู้เป็นมิวส์แห่งนาฏศิลป์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือพิณไลร์ (Lyre)
แคลไลโอพี - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์มหากาพย์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือกระดานชนวน
เอราโต - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์รัก มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือพิณเจ็ดสายที่เรียกว่าคิธารา (Cithara)
โพลิฮิมเนีย - ผู้เป็นมิวส์แห่งเพลงสดุดีปวงเทพ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือผ้าคลุมศีรษะ
ยูเทอร์เพ - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์คีตกานท์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือขลุ่ยและเครื่องออลอส (Aulos)
พวกนางเป็นสหายของเทพอพอลโล่และเทพธิดาเกรซ เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับกวีเฮซิออด ผู้อาศัยอยู่ใกล้เฮลิคอน ซึ่งเป็นภูเขาลูกหนึ่งของเ ทพธิดามิวส์
มิวส์ (อังกฤษ: Muse) เป็นเทพธิดาผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่กวี เป็นผู้ขับร้องบทเพลงแสนไพเราะที่แม้เทพเจ้าก็ต้องเงี่ยโสตสดับฟัง พวกนางเป็นธิดาของซุสกับนิโมซิเน มีอยู่ทั้งหมด 9 นาง คือ
ไคลโอ - ผู้เป็นมิวส์แห่งประวัติศาสตร์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือม้วนกระดาษและหนังสือ
ยูเรนิอา - ผู้เป็นมิวส์แห่งดาราศาสตร์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือลูกโลกและเข็มทิศ
เมลพอมินี - ผู้เป็นมิวส์แห่งโศกนาฏกรรม มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือหน้ากากในการแสดงละครโศกนาฏกรรม
ธาเลีย - ผู้เป็นมิวส์แห่งสุขนาฏกรรม มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือหน้ากากในการแสดงละครสุขนาฏกรรม
เทิร์ปซิคอเร - ผู้เป็นมิวส์แห่งนาฏศิลป์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือพิณไลร์ (Lyre)
แคลไลโอพี - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์มหากาพย์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือกระดานชนวน
เอราโต - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์รัก มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือพิณเจ็ดสายที่เรียกว่าคิธารา (Cithara)
โพลิฮิมเนีย - ผู้เป็นมิวส์แห่งเพลงสดุดีปวงเทพ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือผ้าคลุมศีรษะ
ยูเทอร์เพ - ผู้เป็นมิวส์แห่งกวีนิพนธ์คีตกานท์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือขลุ่ยและเครื่องออลอส (Aulos)
พวกนางเป็นสหายของเทพอพอลโล่และเทพธิดาเกรซ เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับกวีเฮซิออด ผู้อาศัยอยู่ใกล้เฮลิคอน ซึ่งเป็นภูเขาลูกหนึ่งของเ ทพธิดามิวส์
นิมฟ์
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก นิมฟ์ (nymph) คือสตรีที่เป็นร่างตัวแทนของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นร่างที่ยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือเป็นผู้ติดตามของเหล่าทวยเทพ ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าซาไทร์ (satyr) ตัณหาจัดวอลเตอร์ เบอร์เคิร์ต (Walter Burkert) กล่าวว่า "ความคิดที่ว่าแม่น้ำคือเทพเจ้า และน้ำพุคือนิมฟ์นั้น ไม่ได้เป็นแค่ความนึกคิดของนักกวี หากแต่ยังเป็นถึงความเชื่อและพิธีกรรมอีกด้วย การบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ถูกจำกัดอยู่เพียงสถานที่หนึ่งที่ใดที่พวกเขาไม่สามารถแยกออกจากสถานที่แห่งนั้นได้" นิมฟ์นับเป็นบุคคลาธิษฐานของการสรรสร้างของธรรมชาติ ซึ่งบ่อยครั้งมักใช้เป็นสัญลักษณ์ของน้ำพุ
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก นิมฟ์ (nymph) คือสตรีที่เป็นร่างตัวแทนของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นร่างที่ยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือเป็นผู้ติดตามของเหล่าทวยเทพ ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าซาไทร์ (satyr) ตัณหาจัดวอลเตอร์ เบอร์เคิร์ต (Walter Burkert) กล่าวว่า "ความคิดที่ว่าแม่น้ำคือเทพเจ้า และน้ำพุคือนิมฟ์นั้น ไม่ได้เป็นแค่ความนึกคิดของนักกวี หากแต่ยังเป็นถึงความเชื่อและพิธีกรรมอีกด้วย การบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ถูกจำกัดอยู่เพียงสถานที่หนึ่งที่ใดที่พวกเขาไม่สามารถแยกออกจากสถานที่แห่งนั้นได้" นิมฟ์นับเป็นบุคคลาธิษฐานของการสรรสร้างของธรรมชาติ ซึ่งบ่อยครั้งมักใช้เป็นสัญลักษณ์ของน้ำพุ
เซเทอร์
เซเทอร์ (อังกฤษ: satyr (เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈseɪtər/)) ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก เป็นมนุษย์ในวัยหนุ่ม มักมีหูเป็นหูม้า มีเขาเล็กเหมือนแพะ มีขาเป็นแพะ มักท่องเที่ยวในป่าและภูเขา บางตำราบอกว่าเป็นเทพารักษ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามของเทพแพน (Pan) และเทพไดโอไนซัสอีกด้วย ในเทพปกรณัม เซเทอร์ เกี่ยวข้องกับพลังทางเพศของเพศชายและผลงานศิลปกรรมกรีก-โรมันมักสร้างภาพของเซเทอร์ให้มีอวัยวะเพศที่ตั้งชูชัน
เซเทอร์ (อังกฤษ: satyr (เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈseɪtər/)) ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก เป็นมนุษย์ในวัยหนุ่ม มักมีหูเป็นหูม้า มีเขาเล็กเหมือนแพะ มีขาเป็นแพะ มักท่องเที่ยวในป่าและภูเขา บางตำราบอกว่าเป็นเทพารักษ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามของเทพแพน (Pan) และเทพไดโอไนซัสอีกด้วย ในเทพปกรณัม เซเทอร์ เกี่ยวข้องกับพลังทางเพศของเพศชายและผลงานศิลปกรรมกรีก-โรมันมักสร้างภาพของเซเทอร์ให้มีอวัยวะเพศที่ตั้งชูชัน